อันตรายแค่ไหน เมื่อโรคเกล็ดเลือดต่ำ (ITP) เกิดขึ้นในเด็กเล็ก

อันตรายแค่ไหน เมื่อโรคเกล็ดเลือดต่ำ (ITP)  เกิดขึ้นในเด็กเล็ก

ชนิดที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ส่วนใหญ่จะพบบ่อยในช่วงอายุ 2-6 ปี และมักจะหายเป็นปกติภายในเวลาครึ่งปี แต่สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปจนถึงวัยทำงาน อาจมีโอกาสเป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำ ITP ชนิดเรื้อรัง ในรายที่มีเกล็ดเลือดน้อยกว่า 20,000 ตัวต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร และยังมีเลือดออกมากจำเป็นต้องให้การรักษาให้ทันท่วงที และอาจมีการพิจารณาตัดม้ามเมื่อเด็กมีอายุเกิน 4 ปี ซึ่งการแก้ไขปัญหาและการรักษาผู้ป่วยในวัยเด็กนั้นอยู่ที่แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจรักษาตามค่าของเกร็ดเลือด

โรคเกล็ดเลือดต่ำ( ITP) ในเด็ก

เห็นได้ชัดเจนเลยคือ เด็กทารกจะมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก  แต่กลับมีน้ำเลือดจำนวนน้อย ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากแม่ที่มีภาวะรกเสื่อมทำให้นำอาหารไปสู่ทารกได้น้อย จึงส่งผลให้ทารกต้องสร้างเม็ดเลือดแดงจำนวนมากเอง เพื่อนำพาอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อของตนเองตามกลไกลธรรมชาติของร่างกาย  เมื่อเลือดหนืดหรือทำให้เลือดวิ่งผ่านเส้นเลือดเล็กๆ ไม่สะดวก ส่งผลทำให้เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญได้


สาเหตุสำคัญของโรคเกล็ดเลือดต่ำชนิด ITP ในเด็ก

มักจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้ร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้ต่อเกล็ดเลือดของตนเอง  ส่งผลทำให้เกิดการทำลายเกล็ดเลือดของตนเองที่ม้าม และทำให้จำนวนเกล็ดเลือดในกระแสเลือดจะลดต่ำลง ทำให้เกิดปัญหาเลือดออก

การรักษาโรคของวัยเด็ก

ส่วนการรักษาอื่นๆ คุณหมอจะรักษาตามความรีบด่วนของอาการและตามสาเหตุ หากมีเลือดออกมากต้องห้ามเลือด และให้เกล็ดเลือดทดแทนไปก่อน โดยเฉพาะในเด็ก หากเกล็ดเลือดไม่ต่ำมากและไม่มีเลือดออก อาจจะหายได้เอง อีกวิธีหนึ่งของการรักษาผู้ป่วย วัยเด็กที่ได้ผลดีมาก คือ การตัดม้าม เพราะม้ามจะเป็นตัวการในการทำลายเกล็ดเลือด หากตัดม้ามออกจะทำให้เกล็ดเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปกติม้ามมีหน้าที่ช่วยจัดการเม็ดเลือดที่มีความไม่สมบูรณ์ และป้องกันเชื้อโรคบางอย่าง  หากผู้ป่วยที่ตัดม้ามอาจจะติดเชื้อโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ง่าย จึงควรดูแลตนเองใกล้ชิด

ปัจจุบันการรักษามีการพัฒนาไปมาก จากที่เคยต้องตัดม้าม แต่มีการค้นพบว่า IVIG ที่ไม่ต้องตัดม้าม เป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับแอนตี้บอดี้ในร่างกาย